เชิญสมัครสมาชิกโดยการ กด Registration จะทำให้สามารถ โพสข้อความ ใน Forum ได้ นะจ๊ะ ยินดี ต้อนรับทุกท่าน :)
เมื่อ ทำการสมัครแล้ว อย่าลืม จะมีอีเมล์ ส่งไปให้ยืนยัน
<-- เมนูด้าน ซ้าย Forum จะสามารถโพส ข้อความได้
ไม่โลภโมโทสัน ป้องกันให้ดี ไม่โจมตีเสี่ยงภัย เอาเปรียบไว้ทีละน้อย ชนะจะลอยมาเอง
ปรมาจารย์ บุญแถม ปิติยานนท์.การเดินหมากรุก.2488
ได้แก่ การเลือกกลยุทธ, เกมส์ต้นกระดาน, เกมส์กลางกระดาน และ เกมส์ปลายกระดาน โดยมีเนื้อหาสังเขปดังต่อไปนี้
มีผู้กล่าวถึงหมากกลไว้ว่า
“ฉันไม่คิดว่าตำแหน่งของหมากที่ถูกประกอบขึ้นเป็น “หมากกล”
จะเป็นแนวทางที่ดีกว่าในการเพิ่มความสามารถของคุณ.
การจะทำให้ฝีมือดีขึ้น น่าจะเกิดจากการเล่นกับคู่ต่อสู้จริงๆ (ไม่ใช่แค่ทฤษฏี)
เช่นนี้หมายความว่าต้องลงมือเล่นหรือทดสอบกับเกมที่มีอยู่
น่าจะดีกว่าใช้เวลากับหมากกลที่ดูจะยังไม่ชัดเจน (ล่องลอยเจือจางในอากาศ)
การเล่นเกมจริงๆจะให้โอกาสที่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ในการ
1.การวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง
2.การคิดคำนวณ
3.การมองเชิงกลยุทธ์
4.พัฒนาความรู้ปลายกระดาน
Everyman Chess.Nigel Davies.2011
"แต่ภึงกระนั้น คุณก็จะค้องมีรู้ถึงหมากกลพื้นฐานเพื่อพัฒนาไปสู่กลทำกล"...เชฟกระดานเหล็ก"
การวางแผนก่อนการเปิดหมาก จะต้องคิดดูก่อนว่า เราจะเล่นแนวไหน และ คู่ต่อสู้จะเล่นแนวไหน (ระหว่างระบบ ศักดิ์ กับ จำนวน หมาก) และ จะใช้โคนเป็นสำคัญ หรือ จะใช้ม้าเป็นสำคัญ หรือ จะใช้การทิ่มเบี้ยสูง หรือ จะชิงทำเบี้ยสูง/ชิงกินตัดหน้าเบี้ยก่อนเพื่อขัดขวางการฟอร์มหมาก เพื่อที่จะ เตรียมเกมส์บุกสวนกลับ เพื่อ ทำเกมส์กลางกระดานและปลายกระดาน ไปสู่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ตาม รูปแบบโบราณ ซึ้งจะสามารถ ง่ายกว่าต่อการคาด ได้ว่า หมากจะจบ ลงในลักษณะ ไล่กันจน หรือ เสมอ และ ที่เหนืออื่นใด ต้องรู้จัก การไล่ปลายกระดานด้วย เบี้ยสามตัว ม้าหนึ่งเบี้ยหนึ่งหรือเบี้ยสอง ม้าสองเบี้ยหนึ่ง โคนหนึ่งเบี้ยหนึ่ง และเรือหนึ่ง ซึ้งเป็นพื้นฐาน สำคัญ ในการที่จะ มองหมากกล ออก
ระหว่างระบบ ศักดิ์ กับ จำนวนมากนั้น ระบบจำนวนหมากจะอาศัยหมากทางเป็นหลักเพื่อใช้จำนวนศักดิ์ย่อยบีบโอบล้อมพื้นที่ คู่ต่อสู้ แต่ผู้เล่นจะต้องมีระบบผูกหมากที่ดี และสามารถแก้กลหลายชั้นได้ตลอดเวลา (ถ้าเวลาการแข่งขันอำนวย) ในขณะที่ ระบบศักดิ์หมาก จะ อาศัยการทำกลเป็นหลัก(นั่นคือ ค้องอาศัยหมากใหญ่ นั่นเอง) แต่ถ้าหากคู่ต่อสู้สามารถสกัดกลได้ตลอด เวลาแล้วไซร้ หมากกลนั้น จะเป็นรองระบบจำนวนหมากอย่างมาก ฉะนั้นจึงเป็นเสี่ยงพอสมควร ถ้าระบบศักดิ์ มีจำนวนตัวหมาก น้อยกว่า ระบบจำนวนหมาก
แล้วในการเข้ากิน ให้นับจำนวนปาก ที่จับอยู่ ถ้าจำนวนเท่ากัน ใครเข้ากินก่อนเสียเปรียบ การเข้ากินก่อน จำนวนปากจะต้องมากกว่าอีกฝ่าย
หมากที่ทรงพลัง จะต้องมี เรือคู่ หรือ ม้าคู่ หรือ โคนคู่ เหลือ อยู่ชุดนึง (การเลือกชุด ขึ้นกับกลยุทธข้างต้นว่าจะใช้กลยุทธใด) ในทางตรงข้าม การตัดทอนความเป็นคู่ออก จะลดพลังของฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
แต่ในบางครั้ง ต่างฝ่ายต่าง จะดูเชิงกัน ไม่ยอมกินกันเลย เป็นลักษณะ ที่ต่างฝ่ายต่างเล่นกลยุทธ กันล้วนๆ หมากลักษณะนี้ รีบขอเสมอ แล้วไม่ต้องเล่นกันเลย
ดังนั้น แนวคิดในการเล่น จีงมีเพียงเท่านี้ ส่วนในรายละเอียดจะเป็นเรืองของศิลปะ และลวดลาย ในแต่ละเชิงกระดานไปซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด
การขึ้นรูปหมากหรือการฟอร์มเท่าที่มีปรากฏ
1 ม้าผูกแบ่งประเภทแยกย่อยได้เป็นปริศนาหน้าเบี้ย
สมมติฐานการไล่ปลายกระดาน
อำนาจการกินของหมากจะนำมาพิจารณาเฉพาะ ตาที่ใช้ในการบับบังคับขุนฝ่ายหนี อำนาจการกินส่วนเกิน จะตัดทิ้งไปคะแนนตัวหมาก
การจับจองพื้นที่
กลุ่มหมากโบราณที่มีรูปแบบเสมอ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=upanigkit&month=11-2011&date=23&group=14&gblog=21หมากหนีมีเบี้ย |
เรือเบี้ยบัง |
จับม้าอุปการ |
|
ลูกติดแม่ |
หณุมานอาสา |
ควายสู้เสือ |
|
อู่ทองหนีห่า |
พรานไล่เนื้อ |
นกกระจาบทำรัง |
|
คลื่นกระทบฝั่ง |
หมูหลบหอก |
เรือม้าบัง |
|
หอกข้างแคร่ |
หอกข้างแคร่ |
หอกข้างแคร่ |
- กรณีฝ่ายหนีกับฝ่ายไล่มีเรือฝ่ายละลำ ฝ่ายไล่มีเบี้ยธรรมดาหรือ?เบี้ยหงายก็ตามจะไล่ได้ไม่เกิน 64 ตา ฝ่ายหนีมีเบี้ยหงายฝ่ายไล่มีเบี้ยหงายกับโคน (ทั้งสองฝ่ายมีขุนเสมอ) ไล่ได้ไม่เกิน 64 ตา ?อย่างนี้ตำราหมากรุกเรียกว่า หอกข้างแคร่
- ฝ่ายหนีมีม้า 1 ฝ่ายไล่มีโคน 1 ตัว เบี้ยหงาย 2 ตัว ให้ไล่ได้ไม่เกิน 64 ตา อย่างนี้ตำราเรียก จับม้าอุปการะเพราะม้าคอยเดินหนีออก?วงนอกแล้วลอบเข้าทำร้ายได้ในระยะ ห่าง ทำให้โคนกับเบี้ยหงายปั่นป่วนรุกขุนไม่ถนัด
- ฝ่ายหนีมีเรือและเบี้ยหงายอย่างละตัว ฝ่ายไล่มี เรือ โคน และ?เบี้ยหงายเช่นกัน ตำรากลนี้เรียกลูกติดแม่ ไล่จนยาก เพราะเรือกับเบี้ยแอบบังขุนอยู่เรื่อยๆ กำหนดให้ไล่ได้ 64 ตา
- ฝ่ายหนีมีโคนเรือ ฝ่ายไล่มี โคน เรือ เบี้ยหงาย และม้าไล่ได้ 64 ตา ฝ่ายหนีจะเอา?โคนกับเรือผูกป้องกันให้ขุนมีทางหนีได้มาก กลนี้เรียกว่า หนุมานอาสา
- ฝ่ายหนีมีเบี้ยหงาย โคน ฝ่ายไล่มีเรือและเม็ดไล่ได้ 64 ตา กลนี้เรียกควายสู้เสือ
- ฝ่ายหนีจะเดินโคนกับเบี้ยติดขุนไว้โดยทแยงตาบังขุนเอาตัวรอดอยู่เสมอ ฝ่ายหนีมีเรือ 1ลำ
- ฝ่ายไล่มีโคน 1 เบี้ย 3 ไล่ได้ 64 ตา ฝ่ายหนีเดินเรือติดขุนให้ดีอาจตีเสมอได้เรียกว่า อู่ทอง หนีห่า
- ฝ่ายหนีมีเรือ 1 ลำ ฝ่ายไล่มีม้า 1 ตัว เบี้ย 3 ตัว ไล่ได้ 64 ตา ?เรียกว่า พรานล่าเนื้อ
- ฝ่ายหนีมีม้า 1 ตัว และเบี้ย ฝ่ายไล่มีเรือและเบี้ยหงาย ฝ่ายหนีพยายามเดินม้า ติดพันกับขุนของตน เมื่อถูกเรือไล่รุกก็เดินม้าก้าวสกัดปิดรุกและเดินเบี้ยผูกให้ดี อาจเอาตัวรอดได้ อย่างนี้เรียกว่า นกกระจาบทำรัง
- ฝ่ายหนีมีโคน 1 ตัว ฝ่ายไล่มีม้า 1 ตัว และเบี้ย 2 ตัว ไล่ได้ 64 ตา ฝ่ายหนี เดินโคนแอบบังขุนให้ดีก็ไม่แพ้ เรียกว่า คลื่นกระทบฝั่ง
- ฝ่ายหนีมีโคนและเรืออย่างละ 1 ฝ่ายไล่มีเรือ 2 ลำ ไล่ได้ 64 ตา ฝ่ายหนีเดิน โคนกันขุนไว้ เอาเรือคอยออกสกัดฝ่ายไล่ให้ปั่นป่วน เรียกกลนี้ว่า หมูหลบหอก
กลุ่มหมากโบราณที่มีการจน.วินัย ลิ้มดำรงค์ชิต .xxxx ref:http://www.oocities.org/winai7/2.html
กลที่ 1 "ขุนเข้าถุง" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 1 ทีหนี 2 ทีไล่ | กลที่ 2 "ขุนเข้าถุง" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 1 ทีหนี 2 ทีไล่ | กลที่ 3 "ปลากรายแฝงตอ" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ |
กลที่ 4 "ปลากรายแฝงตอ" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ | กลที่ 5 "ละลอกกลางสมุทร" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ | กลที่ 6 "ละลอกกลางสมุทร" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ |
กลที่ 7 "ราชสีห์กัดกัน" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ | กลที่8 "ราชสีห์กัดกัน" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ | กลที่ 9 "ราชสีห์กัดกัน" อย่างที่ 3 ขาวเดินก่อน 2 ทีหนี 3 ทีไล่ |
กลที่ 10 "ม้าเทียมรถ" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ ให้จนด้วยม้า | กลที่ 11 "ม้าเทียมรถ" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ ให้จนด้วยม้า | กลที่ 12 "ม้าเทียมรถ" อย่างที่ 3 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ ให้จนด้วยม้า |
กลที่ 13 "ม้าแย่งค่าย" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ | กลที่ 14 "ม้าแย่งค่าย" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ | กลที่ 15 "เลียบกลางสมุทร" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ |
กลที่ 16 "เลียบกลางสมุทร" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ | กลที่ 17 "ม้าโผน" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 6 ทีหนี 7 ทีไล่ ให้จนด้วยเบี้ยคว่ำ | กลที่ 18 "ม้าโผน" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 6 ทีหนี 7 ทีไล่ ให้จนด้วยเบี้ยคว่ำ |
กลที่ 19 "ม้าโจมค่าย" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 5 ทีหนี 6 ทีไล่ | กลที่ 20 "ม้าโจมค่าย" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 5 ทีหนี 6 ทีไล่ | กลที่ 21 "ม้าโจมค่าย" อย่างที่ 3 ขาวเดินก่อน 5 ทีหนี 6 ทีไล่ |
กลที่ 22 "เพชรหลบ" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 13 ทีหนี 14 ทีไล่ | กลที่ 23 "เพชรหลบ" อย่างที่ 2 ขาวเดินก่อน 13 ทีหนี 14 ทีไล่ | กลที่ 24 "จระเข้กัดกัน" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ ให้จนด้วยเม็ด |
กลที่ 25 "จระเข้กัดกัน" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ ให้จนด้วยเม็ด | กลที่ 26 "ขี้ริ้วห่อทอง" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ | กลที่ 27 "ขี้ริ้วห่อทอง" อย่างที่ 1 ขาวเดินก่อน 3 ทีหนี 4 ทีไล่ ไม่ว่าฝ่ายใดเดินก่อน ผลเสมอกัน |
กรงหมาก
การเปิดหน้าเบี้ยทั่วไป
กระแตแยกเขี้ยว |
สิงห์โตล่อแก้ว |
เบี้ยสูง |
เขี้ยวงู |
ปูสามเบี้ย(ขวา) |
ปูสามเบี้ย(ซ้าย) |
ฟันกระต่าย |
||
กวาดหน้าบ้าน(ขวาไปซ้าย) |
||
กวาดหน้าบ้าน(ซ้ายไปขวา) |
การเปิดหมากลักษณะนี้ น่าจะเป็นการจู่โจมทีเผลอ ที่ฝ่ายรับยังเปิดตัวหมากใหญ่ไม่ครบหรือไม่ถูกลำดับ และอีกฝ่ายเข้าโจมตีเบี้ยก่อน